สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระราชินีนักบิน ทหารหญิงแกร่งแห่งกองทัพ

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระราชินีนักบิน ทหารหญิงแกร่งแห่งกองทัพ
พลเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงพระปรีชาสามารถในด้านการขับเครื่องบิน โดยทรงสำเร็จหลักสูตรการบินของหน่วยฝึกการบินของกองทัพอากาศหลายหลักสูตร และเสด็จ ฯ ไปทรงฝึกและศึกษาการบินเพิ่มเติม ทรงผ่านการทดสอบและได้รับใบอนุญาตนักบินของสหภาพยุโรป

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงได้รับใบอนุญาตนักบินพาณิชย์เอกจากสำนักงานการบินพลเรือน และปัจจุบันทรงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนักบินผู้ช่วย ทำการบินกับเครื่องบินพระราชพาหนะ อันเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนชาวไทย หลายครั้งที่ทั้ง ๒ พระองค์ ได้ทรงทำการบินร่วมกัน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ในพระราชสถานะนักบินที่ ๑ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงร่วมขับเครื่องบินในพระราชสถานะนักบินผู้ช่วย เสด็จฯ ทรงไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ


เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๘ เมษายน ๒๕๖๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ ๑ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินผู้ช่วย ซึ่งท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานของโลกที่มีความยากที่สุดในการนำเครื่องขึ้นและลงจอด นักบินที่ทำการบินมายังสนามบินแห่งนี้ต้องได้รับการฝึกอบรมพิเศษและได้รับใบอนุญาตเฉพาะ สร้างความประทับใจและจดจำของพสกนิกรทั้งชาวไทยและต่างชาติถึงพระปรีชาสามารถด้านการบิน


ด้านการทหาร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสำเร็จหลักสูตรการอบรมด้านการทหารที่สำคัญ หลายหลักสูตร อาทิ หลักสูตรส่งทางอากาศของหน่วยรบพิเศษ โดยทรงทำการกระโดดร่ม ๕ ครั้งจากเครื่องบิน หลักสูตรส่งทางอากาศนาวิกโยธิน (นย.) และทรงเข้ารับการศึกษา โรงเรียนเสนาธิการทหารบก รุ่น ๙๑ แสดงถึงพระปรีชาสามารถและความอุตสาหะในการฝึกฝน


ในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ พระลานพระราชวังดุสิต สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงนำการสวนสนามของทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์และทหารรักษาพระองค์สามเหล่าทัพ ด้วยพระองค์เอง ในตำแหน่ง “องค์ผู้บังคับกองผสม” โดยทรงแต่งกายเครื่องแบบเต็มยศรักษาพระองค์ นำมาซึ่งภาพแห่งความประทับใจ สง่างาม สมกับการเป็นทหารรักษาพระองค์ ตลอดจนงดงามตราตรึงในความทรงจำของพสกนิกรชาวไทย
ข้อมูล : กรมจเรทหารบก